รายนามนายกรัฐมนตรี,ประธานรัฐสภาและประธานศาลฎีกา


รายนามนายกรัฐมนตรี,ประธานรัฐสภา,ประธานศาลฎีกา

พุทธศักราช ๒๕๒๗-๒๕๒๘,๒๕๓๐,๒๕๓๒,๒๕๓๔-๒๕๓๕

 page001.1ประวัติย่อ (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย)

  • พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ รับตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นครั้งแรกในรัฐบาลพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ปี 2520 และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่องในรัฐบาลนั้น ในช่วงปลายรัฐบาลพลเอกเกรียงศักดิ์ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมควบคู่กับตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ในปี 2522ในช่วงนั้น พลเอกเปรมได้รับการยอมรับจากหลายฝ่าย หลังจากพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523 สภาผู้แทนราษฎรทำการหยั่งเสียงเพื่อหาตัวผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเลือกพลเอกเปรมเป็นนายกรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2523 เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 16 ของไทย และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอีกตำแหน่งหนึ่งพลเอกเปรมเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสืบต่อจากพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2523 ซึ่งตลอดระยะเวลาของพลเอกเปรมในการบริหารประเทศได้มีผลงานสำคัญมากมาย เช่น การปรับปรุงประมวลกฎหมายรัษฎากรและกฎหมายสรรพสินค้า เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่สังคม การสร้างงานตามโครงการสร้างงานในชนบท (กสช.) การจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐบาล และเอกชน (กรอ.) เพื่อส่งเสริมบทบาททางการค้าและการลงทุนของภาคเอกชนภายในประเทศ การดำเนินการปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในประเทศไทยอย่างได้ผล โดยนำนโยบายการใช้ “การเมืองนำการทหาร” ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 เป็นผลให้พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยอ่อนกำลังลงและสลายตัวไปในที่สุด หลังพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พลเอกเปรม เป็นองคมนตรี ในวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2531 จากนั้นในวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2531 ได้รับโปรดเกล้าฯ ยกย่องให้เป็นรัฐบุรุษ และในวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2541 มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้เป็นประธานองคมนตรี
  • นายบัญญัติ สุชีวะ ได้สมรสกับ คุณหญิงสุมน สุชีวะ (นามสกุลเดิม สุนทรารชุน) บุตรี หลวงสุทธินัยนฤวาท (อดีตผู้พิพากษา) และน้อย สุทธินัยนฤวาท เมื่อ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2490 มีบุตรธิดา รวม 5 คน ในปีพ.ศ. 2517 ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา,พ.ศ. 2520 ดำรงตำแหน่งรองประธานศาลฎีกา และในพ.ศ. 2523 ดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกา

page001.2

ประวัติย่อ (ข้อมูลจากเว็บไซต์ศาลฎีกา)

  • นายภิญโญ ธีรนิติ  วาระการดำรงตำแหน่ง 1 ต.ค.2527 – 30 ก.ย.2529

page001.3

ประวัติย่อ (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย)

  • นายจำรัส เขมะจารุ เกิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2472 เป็นบุตรของนายเจียก และนางถนอม เขมะจารุ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีธรรมศาสตร์บัณฑิต เมื่อปี พ.ศ. 2492 เนติบัณฑิตไทย ในปีเดียวกัน และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านกฎหมาย Master of Comparative Laws จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และ Master of Laws จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด  ผ่านการศึกษาอบรมจากวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 19 (2519) และเคยได้รับปริญญานิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัย 3 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง (2530) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (2531) และมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (2549) นอกจากนี้ ยังเคยเป็นอาจารย์ผู้บรรยายพิเศษในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ และประธานกรรมการที่ปรึกษาประจำสาขาวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมมาธิราช รวมทั้งประธานกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 10 ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2537 ด้านชีวิตครอบครัวสมรสกับคุณหญิงบังอร เขมะจารุ มีบุตร-ธิดา 3 คน

page001.4

ประวัติย่อ (ข้อมูลจากวิกิพีเดียและเว็บไซต์ศาลฎีกา)

  • พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เข้ารับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2531 และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอีกตำแหน่งหนึ่ง มีการปรับคณะรัฐมนตรี 1 ครั้งเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2533 ได้ดำรงตำแหน่งในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นระยะเวลารวมประมาณ 2 ปีครึ่งผลงานที่โดดเด่นมากของรัฐบาล พลเอกชาติชาย ได้แก่ การดำเนินนโยบายต่างประเทศกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะใน กลุ่มอินโดจีน เช่น การประสานงานให้มีการเจรจาร่วม ระหว่างเขมร 4 ฝ่าย เพื่อยุติการสู้รบ และสนับสนุน ให้มีการจัดตั้งรัฐบาลประเทศกัมพูชาภายใต้การนำของ สมเด็จสีหนุขึ้น นโยบายต่างประเทศของ รัฐบาลพลเอกชาติชาย มีชื่อเรียกที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายคือ นโยบาย “เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า

    ทางด้านเศรษฐกิจ ได้อนุมัติโครงการเพื่อให้เอกชนเข้ามาลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในหลายโครงการ เช่น โครงการโทรศัพท์พื้นฐาน 3 ล้านเลขหมาย โครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ โครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ในเขตกรุงเทพมหานคร และโครงการทางด่วนยกระดับ ตัวเลขความเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในช่วงนั้น ร้อนแรงถึงกว่า 10 เปอร์เซนต์ต่อปี กระทั่งมีการคาดหมายโดยทั่วไปว่าประเทศไทยจะเป็น “เสือตัวที่ 5” ของเอเชีย (Fifth Asian Tiger) ต่อจาก “4 เสือเศรษฐกิจของเอเชีย” คือ เกาหลีใต้ ฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวัน

    พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ มีชื่อที่เรียกเป็นที่รู้จักทั่วไปว่า “น้าชาติ” มีคำพูดติดปากเมื่อให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า “No Problem” หมายถึง “ไม่มีปัญหา” จนเป็นที่จดจำได้ทั่วไป ซึ่งศิลปินเพลง แอ๊ด คาราบาว ได้นำไปประพันธ์เป็นเพลงล้อเลียนการเมืองชื่อ “โนพลอมแพลม”

    การบริหารงานของรัฐบาล พลเอกชาติชาย ชุณหะวัน เริ่มประสบปัญหาในช่วงท้ายของวาระการดำรงตำแหน่ง เมื่อถูกโจมตีว่ามีการทุจริต หาผลประโยชน์ในโครงการลงทุนของรัฐ จนมีคำกล่าวโจมตีการทำงานของคณะรัฐมนตรี รัฐบาลพลเอกชาติชายว่าเป็น “บุฟเฟ่ต์คาบิเนต” ขณะที่การทำงานของสภาผู้แทนราษฎร ที่มีสัดส่วน ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล เป็นจำนวนมากก็ถูกโจมตีว่ามีสภาพเป็น “เผด็จการรัฐสภา

    พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ บริหารประเทศจนถึงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 ก็ถูกยึดอำนาจการปกครองโดย คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ภายใต้การนำของ พล.อ. สุนทร คงสมพงษ์ พล.อ. สุจินดา คราประยูร พล.อ.อ. เกษตร โรจนนิล และพล.อ. อิสระพงศ์ หนุนภักดี ที่ต่อมานำไปสู่เหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ ในปี พ.ศ. 2535

  • นายอำนัคฆ์ คล้ายสังข์  วาระการดำรงตำแหน่ง 1 ต.ค. 2532 – 30 ก.ย. 2533

page001.5

ประวัติย่อ (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย)

  • นายอานันท์ ปันยารชุน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สมัยแรกระหว่างวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2534 ถึง 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 ภายหลังการรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2534 จากการเสนอชื่อโดยพลเอกสุจินดา คราประยูร ซึ่งเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนอำนวยศิลป์เช่นกัน ทั้งเคยร่วมงานกับนายอานันท์ เมื่อ พ.ศ. 2514 ขณะพันโทสุจินดา (ยศขณะนั้น) เป็นรองผู้ช่วยทูตทหารบก ประจำสถานเอกเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงวอชิงตัน และนายอานันท์ เป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐ ผลจากการเลือกให้นายอานันท์เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยในตอนนั้นช่วยให้ท่านได้ชื่อว่าเป็นนายกรัฐมนตรีของไทยคนแรกที่เกิดภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองภารกิจหลักของรัฐบาลนายอานันท์ในสมัยแรก คือ การร่างรัฐธรรมนูญ และจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายอานันท์ ได้นำบุคคลผู้มีความรู้ความสามารถ และมีภาพพจน์ที่ดี มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เช่น นายนุกูล ประจวบเหมาะ นายเสนาะ อูนากูล นายโฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์

    การบริหารประเทศของนายอานันท์ ภายใต้คำสั่งของคณะรสช. ทำให้รัฐบาล รสช ได้รับได้สืบทอดอำนาจได้

    นายอานันท์ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 ในการเลือกตั้งครั้งนั้น พรรคสามัคคีธรรมได้รับการเลือกตั้งเข้ามามากที่สุด จำนวน 79 คน เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่นายณรงค์ วงศ์วรรณ หัวหน้าพรรคกลับไม่สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ หลังจากนางมาร์กาเร็ต แท็ตไวเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ออกมาประกาศว่า นายณรงค์ เป็นหนึ่งในบัญชีดำ ผู้ไม่สามารถขอวีซ่าเดินทางเข้าสหรัฐได้ เนื่องจากมีความใกล้ชิดกับการค้ายาเสพติด

    พรรคร่วมเสียงข้างมาก ซึ่งประกอบด้วยพรรคสามัคคีธรรม พรรคชาติไทย พรรคกิจสังคม พรรคประชากรไทย พรรคราษฎร จึงสนับสนุนให้พลเอกสุจินดา คราประยูร ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 19 ทั้งที่ก่อนหน้านี้ พลเอกสุจินดาเคยประกาศว่า จะไม่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และกล่าวในเวลาต่อมาว่า จำเป็นต้อง “เสียสัตย์เพื่อชาติ” โกหกประชาชนอย่างหน้าด้านๆ

    การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพลเอกสุจินดา ทำให้เกิดกระแสการคัดค้านอย่างรุนแรง มีกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงที่ท้องสนามหลวงเพิ่มขึ้นจนถึงห้าแสนคน จนนำมาสู่การใช้กำลังปะทะ และปราบปรามในวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 หรือ เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

    ภายหลังเหตุการณ์ความรุนแรง พลเอกสุจินดาประกาศลาออกจากตำแหน่ง ฝ่ายพรรคร่วมเสียงข้างมาก ร่วมกันสนับสนุนให้ พลอากาศเอกสมบุญ ระหงษ์ หัวหน้าพรรคชาติไทย ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่แล้วนายอาทิตย์ อุไรรัตน์ รองหัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ ได้ตัดสินใจเสนอชื่อนายอานันท์ ปันยารชุน ขึ้นทูลเกล้าฯ แทนที่จะเป็นพลอากาศเอกสมบุญ ระหงษ์

    นายอานันท์ ปันยารชุน ได้รับพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่สอง ในวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2535 จัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจ เพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ โดยรัฐมนตรีส่วนใหญ่ เป็นรัฐมนตรีที่เคยดำรงตำแหน่งมาก่อนในสมัยแรก

    นายอานันท์ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่สองในวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2535 ภายหลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2535 ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ได้รับเลือกตั้งเข้ามามากที่สุด และนายชวน หลีกภัย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 20

    พ.ศ. 2551 อานันท์ได้รับการติดต่อจาก พลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา องคมนตรี ให้เข้าร่วมแผนการณ์ล้มรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ที่อยู่ระหว่างรอเสนอต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และให้อานันท์ ปันยารชุนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน

  • ศาสตราจารย์พิเศษโสภณ รัตนากร เริ่มรับราชการ ที่กองสหกรณ์ผู้ผลิต กรมสหกรณ์พาณิชย์ กระทรวงเกษตราธิการเมื่อพ.ศ. 2495 และโอนมาสังกัดกระทรวงยุติธรรมเมื่อ พ.ศ. 2500 รับราชการในตำแหน่งต่าง ๆ ดังนี้ ผู้ช่วยผู้พิพากษา ผู้พิพากษาประจำกระทรวง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำกระทรวง ผู้พิพากษาศาลแขวงอุดรธานี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลนครศรีธรรมราช ผู้พิพากษาประจำกระทรวง ช่วยทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำกระทรวง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เลขานุการศาลฎีกา ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2521 ปลัดกระทรวงยุติธรรมในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2525 ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา รองประธานศาลฎีกา อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ประธานศาลฎีกา กรรมการตุลาการ ปัจจุบัน ท่านดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาในศาลฎีกา นอกจากนี้ ท่านยังได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นกรรมการกฤษฎีกา ตั้งแต่ พ.ศ. 2531 ถึงปัจจุบัน และดำรงตำแหน่งประธานกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 11,กฎหมายกระบวนการยุติธรรมทางแพ่งและอาญา)

page001.6ประวัติย่อ (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย)

  • นายสวัสดิ์ โชติพานิช (เกิด 17 ตุลาคม พ.ศ. 2474) อดีตประธานศาลฎีกา อดีตกรรมการการเลือกตั้งฝ่ายสืบสวนสอบสวน ชุดที่ 1 ดำรงตำแหน่งระหว่าง 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 – 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2544 ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้ดำรงตำแหน่ง ประธานคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน ที่มีอำนาจตรวจสอบการดำเนินงานหรือโครงการต่างๆ ที่ได้รับอนุมัติ หรือเห็นชอบโดยบุคคลในคณะรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่ง โดยผลการปฏิรูปการปกครอง ตามประกาศ คปค.ฉบับที่ 23 เมื่อวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2549 ต่อมานายสวัสดิ์ ได้ขอลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากได้มีประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2549 ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 นอกจากนี้ ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นกรรมการกฤษฎีกา ตั้งแต่ พ.ศ. 2531 ถึงปัจจุบัน และดำรงตำแหน่งประธานกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 10,กฎหมายสาธารณสุข) ในปัจจุบัน

page001.7ประวัติย่อ (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย)

  • พลเอก สุจินดา คราประยูร ได้รับพระบรมราชโองการให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 19 ของประเทศไทยเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2535 เมื่อเข้าดำรงตำแหน่งกล่าวว่า “เสียสัตย์เพื่อชาติ” ทั้งที่เคยพูดว่าจะไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ พลเอก สุจินดา ได้แต่งตั้ง พลเอก อิสรพงศ์ หนุนภักดี เลขาธิการ รสช. ซึ่งเป็นพี่ชายของภรรยาตน ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงถูกคัดค้านจากกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองหลายกลุ่ม ร้อยตรี ฉลาด วรฉัตร อดอาหารประท้วง และพลตรี จำลอง ศรีเมือง เป็นผู้นำการชุมนุมของประชาชนเพื่อเรียกร้องให้พลเอกสุจินดาลาออก เนื่องจากเป็นการสืบทอดอำนาจเผด็จการ รสช. จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่สงบภายในประเทศ หรือพฤษภาทมิฬ ขึ้นระหว่างวันที่ 17 พฤษภาคม ถึง 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 พลเอก สุจินดา จึงลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปโดยอิสระและเพื่อแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองมีชัย ฤชุพันธุ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี จนกระทั่งมีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2535 คณะรัฐมนตรีคณะที่ 48 ของรัฐบาลพลเอก สุจินดา คราประยูร จึงพ้นจากตำแหน่งไปตามวาระ
  • นายประมาณ ชันซื่อ ประวัติรับราชการตำแหน่งสำคัญ อาทิ อธิบดีผู้พิพากษาศาลภาค 5 ,ภาค 9 และ เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม สมัยวิกฤตตุลาการ ยุคคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ครองอำนาจ ก่อนก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกาในปี 2535 – 2539 รวม 4 ปี เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการ ริเริ่มหลักสูตรวิทยาลัยผู้บริหารงานยุติธรรมระดับสูง หรือ บยส. และริเริ่มการเสนอต่ออายุข้าราชการตุลาการที่ เกษียณอายุราชการ 60 ปี ให้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสถึงอายุ 65 ปีนายประมาณยังเคยถูกลอบสังหารเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกา เมื่อปี 2536 แต่ตำรวจกองปราบปราม นำโดย พล.ต.ต.ล้วน ปานรศทิพ ผบก.ป. (ยศในขณะนั้น) จับกุมมือปืนได้ก่อนลงมือ มีการขยายผลจับกุมผู้ต้องหาอีกหลายคน กระทั่งไปสู่จับกุมผู้จ้างวานได้ในที่สุด ซึ่งต่อมาวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2551 ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้พิพากษาจำคุก 25 ปี จำเลยอันประกอบด้วยนายสมพร เดชานุภาพ, นายเณร มหาวิไล, นายอภิชิต อังศุธรางกูล และ รศ.รังสรรค์ ต่อสุวรรณ อดีตรองคณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

capture-20141213-104745_Fotor

adminรายนามนายกรัฐมนตรี,ประธานรัฐสภาและประธานศาลฎีกา